ร่วมสำรวจเทรนด์สุขภาพ 2025 สุขภาพดีเริ่มที่คุณ

เปิดเทรนด์สุขภาพปี 2025 ที่กำลังมาแรง
การดูแลสุขภาพในปี 2025 จะเน้นการสร้างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ โดยเปลี่ยนจากการรักษาเมื่อเจ็บป่วยสู่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ควบคู่กับข้อมูลทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว
นอกจากจะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ง่ายและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันอีกด้วย โดยเทรนด์สุขภาพที่มาแรงในปี 2025 ได้แก่
1.Gut Health: การดูแลลำไส้เป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพองค์รวม ด้วยการใช้ โปรไบโอติก พรีไบโอติก และผลิตภัณฑ์ที่เสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ และส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
2.Epigenetics: การวิเคราะห์เหนือระดับยีนเพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมเฉพาะบุคคล เช่น อาหารที่ตอบโจทย์ระดับเหนือพันธุกรรม เพื่อส่งเสริมสุขภาพในระดับเซลล์
3.Immune System: การตรวจวัด NK Cell จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ภูมิคุ้มกัน พร้อมกับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับทุกวัย
4.Functional Wellness: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยเพิ่มพลังงาน และสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ จะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน
5.Personalized Wellness: การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และ IoT เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล สร้างสุขภาพที่สมดุลและยั่งยืนสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย เช่น การออกแบบโภชนาการและแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล
โดย พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์ Premier Life Center โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในปี 2025 เทรนด์การดูแลสุขภาพจะเน้นการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันและส่งเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างคุณภาพชีวิตในระยะยาว
การดูแลสุขภาพไม่ควรเริ่มเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย แต่ควรเริ่มต้นด้วยการป้องกัน เช่น การพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

เทรนด์สุขภาพเหล่านี้ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบัน แต่ยังช่วยสร้างสุขภาพที่ดีและยั่งยืนสำหรับทุกคนในระยะยาว หากระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง จะเปรียบเสมือนมีกองทัพที่พร้อมปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรียหรือไวรัส โดยภูมิคุ้มกันสามารถจัดการเชื้อโรคขนาดเล็กได้ง่าย แต่สำหรับเชื้อโรคขนาดใหญ่ เช่น ก้อนเนื้องอก จำเป็นต้องใช้ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งมากขึ้น การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน NK Cells เป็นตัวชี้วัดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรคและเซลล์อันตราย
อีกทั้งยังช่วยประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดค่า NK Cell Activity และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ
แม้ว่าการวัดค่า NK Cell Activity จะไม่สามารถบอกถึงโรคที่เป็นอยู่ได้โดยตรง แต่สามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อประเมินปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายได้
ส่วนเทรนด์การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Wellness กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมสุขภาพไทยและทั่วโลก ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และจีโนมิกส์
ที่ช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำและตรงจุดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรง Personalized Wellness มุ่งเน้นการนำข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประวัติสุขภาพและพันธุกรรม มาออกแบบแผนการดูแลที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล ตั้งแต่การคัดกรองความเสี่ยง การให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล
ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงและเพิ่มโอกาสฟื้นฟูสุขภาพ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
อีกทั้งยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและพร้อมลงทุนในบริการที่ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล ส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับภูมิภาค

The Selection พาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพสำหรับทุกคน แพลตฟอร์มที่รวบรวมผลิตภัณฑ์และบริการที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา เป็นเสมือนพาร์ทเนอร์ที่ช่วยผู้บริโภคสร้างสมดุลชีวิตและสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ ช่วยให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “เลือกที่ใช่ให้สุขภาพ”
เทรนด์สุขภาพเหล่านี้ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบัน แต่ยังช่วยสร้างสุขภาพที่ดีและยั่งยืนสำหรับทุกคนในระยะยาว หากระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
จะเปรียบเสมือนมีกองทัพที่พร้อมปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรียหรือไวรัส โดยภูมิคุ้มกันสามารถจัดการเชื้อโรคขนาดเล็กได้ง่าย แต่สำหรับเชื้อโรคขนาดใหญ่ เช่น ก้อนเนื้องอก
จำเป็นต้องใช้ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งมากขึ้น การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน NK Cells เป็นตัวชี้วัดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรคและเซลล์อันตราย อีกทั้งยังช่วยประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม
ซึ่งสามารถลดค่า NK Cell Activity และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ แม้ว่าการวัดค่า NK Cell Activity จะไม่สามารถบอกถึงโรคที่เป็นอยู่ได้โดยตรง แต่สามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อประเมินปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายได้
ส่วนเทรนด์การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Wellness กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมสุขภาพไทยและทั่วโลก ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และจีโนมิกส์
ที่ช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำและตรงจุดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรง Personalized Wellness มุ่งเน้นการนำข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประวัติสุขภาพและพันธุกรรม มาออกแบบแผนการดูแลที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล ตั้งแต่การคัดกรองความเสี่ยง การให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล
ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงและเพิ่มโอกาสฟื้นฟูสุขภาพ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย อีกทั้งยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและพร้อมลงทุนในบริการที่ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล ส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับภูมิภาค

