ซีพีแรม เปิดตัว“ ครีเอเตอร์ ”อาหารกลุ่มใหม่ จับตลาดผู้สูงวัย

   เมื่อ : 28 ก.ย. 2566

บริษัท ซีพีแรม จำกัด ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทานของไทย ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม ยกระดับขีดความสามารถอุตสาหกรรมอาหารไทยด้วยเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ ประกาศเปิดตัวกลุ่มสินค้าใหม่ภายใต้ตราสินค้า ครีเอเตอร์ ”

 

อาหารกลุ่มใหม่สำหรับผู้สูงอายุ และผู้บริโภคที่นิยมรับประทานแบบ “เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย” ที่ให้ความเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คุณค่าโภชนาการสูง รสชาติดี เพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัยในประเทศไทยและทั่วโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอาหารสำหรับผู้สูงอายุ มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลก  จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าประชากรที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 3 ต่อปี

 

โดยปี 2573  คาดว่าจะมีจำนวนประชากรสูงวัยมากถึง 1.4 พันล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านคนในปี 2593 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้วตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งมีผู้อายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรไทยทั้งหมด เรียกได้ว่าผู้สูงวัยกำลังเป็นผู้บริโภคกลุ่มขนาดใหญ่และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

“ครีเอเตอร์ ” จึงเป็นอาหารสำหรับผู้สูงวัยที่เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ มีการคำนึงถึงปริมาณและประเภทของสารอาหารที่จำเป็น รวมไปถึงคุณสมบัติของอาหารหรือวัตถุดิบที่เหมาะสมกับการเคี้ยว ระบบการย่อยและการดูดซึมสารอาหารตามวัยของผู้สูงอายุ 

นอกจากนี้ “ครีเอเตอร์” ยังผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้  “ปลอดภัย มั่นใจ ทุกขั้นตอน” ออกแบบบรรจุภัณฑ์ “สีแดง” ด้วยแนวคิด พลังสร้างสรรค์ดั่งดวงอาทิตย์ และตราสินค้ารูปผู้สูงอายุที่มีความสุขและสุขภาพดีอย่างชัดเจน โดยขณะนี้ได้นำออกมาวางตลาดแล้วผ่านช่องทางโรงพยาบาล ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพชั้นนำทั่วประเทศ

สำหรับ 5 เมนูแรกของ “ครีเอเตอร์ ” อาหารสำหรับผู้สูงวัยที่บริษัทนำมาเปิดตลาดในช่วงแรกเพื่อจับตลาดผู้สูงวัย และผู้บริโภคที่ต้องการอาหารแบบเคี้ยวง่าย ย่อยง่าย แต่อุดมด้วยโภชนการที่ดีในครั้งนี้ ได้แก่ ต้มจับฉ่าย โจ๊กหมู ข้าวต้มปลากระพง เส้นใหญ่ราดหน้าปลาเต้าซี่ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ

 

โดยบริษัทตั้งเป้าว่า “ครีเอเตอร์” จะสามารถทำยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ 50 ล้านบาท และจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นตามลำดับเป็น 300 ล้านบาท และ 1000 ล้านบาท ในปี 2567-2568