น่าห่วง! เด็กไทยเข้าใกล้เหล้า-บุหรี่-พนัน มากขึ้น หนุน ‘วิชาชนะมาร’ สู่ภาคการศึกษา
อาคารศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายละครเพื่อการเรียนรู้ 5 ภูมิภาค สานพลังเครือข่ายการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร (กทม.)
จัดเวทีเสวนา สานพลัง...ส่งต่อวิชาชนะมาร สร้างภูมิรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่ และพนัน) ในสถานศึกษา และงานเทศกาลละครเพื่อการเรียนรู้ “วิชาชนะมาร” โดยมีเครือข่ายเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น โรงเรียนในสังกัดกทม. เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยง เหล้า-บุหรี่-พนัน มีความสุ่มเสี่ยงต่อเด็กเยาวชนมากขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ และผลการวิจัยโดยเครือข่ายสุขภาพ ระหว่างปี 2565-2566 พบว่า ในปี 2565 เด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 5.3 เท่า
มีการโฆษณาและส่งเสริมการขายในออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 48 จากเดิมในปี 2558 พบเพียงร้อยละ 27 สาเหตุสำคัญคือ บุหรี่ไฟฟ้ามีรสชาติ รูปลักษณ์ที่ดึงดูดให้อยากลองสูบ หากมีเพื่อนสูบ หรือเคยสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน จะเสี่ยงติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 4 เท่า และหากมีพ่อแม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ลูกจะเสี่ยงติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า
ด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พบว่า เด็กเยาวชน อายุ 15-24 ปี ดื่มมากถึงร้อยละ 20.9 หรือ 1.9 ล้านคน เพศชายมีอัตราการดื่มที่ลดลง แต่เพศหญิงดื่มเพิ่มมากขึ้น ที่น่ากังวลคือพบการดื่มแล้วขับทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิต ร้อยละ 25.09
นอกจากนี้ สถานการณ์พนัน โดยเฉพาะพนันออนไลน์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบเด็กเล่นพนันครั้งแรกอายุยิ่งน้อยลงล่าสุด พบเด็ก 6 ขวบเริ่มเล่นพนัน โดยร้อยละ 54 เริ่มเล่นพนันตั้งแต่อายุก่อน 20 ปี และร้อยละ 75 มีแนวโน้มที่จะไม่หยุดเล่นพนัน”
สสส. ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับเด็ก เยาวชน จึงได้ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายละครเพื่อการเรียนรู้ 5 ภูมิภาค ได้แก่ กลุ่มเรียนรู้บางเพลย์ จ.ชลบุรี กลุ่มไม้ขีดไฟ จ.นครราชสีมา สำนักกิจกรรมกิ่งก้านใบ จ. อุตรดิตถ์ ทีมเฉพาะกิจเธียเตอร์ กรุงเทพมหานคร กลุ่มละครสองเล และโรงเรียนใต้ร่มไม้ จ.สงขลา
พัฒนาโครงการพัฒนาการเรียนรู้ “วิชาชนะมาร” (เหล้า/บุหรี่/พนัน) ให้กับเด็กประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น ผ่านกระบวนการละครเพื่อการเรียนรู้ และกระบวนการพัฒนาทักษะสมองกับองค์ความรู้รูปแบบของการจดจำ-นำไปใช้ หรือ Executive Function (EF) ครอบคลุมโรงเรียน 200 แห่ง
พร้อมสร้างเครือข่ายครูนำไปใช้เสริมการเรียนการสอนในชั้นเรียน สร้างความตระหนักรู้และเท่าทันปัจจัยเสี่ยง โดยบูรณาการกับนโยบายและจุดเน้นของแผนยุทธศาสตร์การศึกษาขององค์กรต้นสังกัด โดยใช้แนวคิด ชี้เป้าให้ชัด ขยายเครือข่าย สร้างตัวคูณดูแลปกป้องเด็กเยาวชนจากปัญหายาและสารเสพติด
นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การบูรณาการกับกระบวนการเรียนรู้วิชาชนะมาร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนควรมีการเชื่อมประสานกับศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย และสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ.
ที่ดูแลเรื่องของปัจจัยเสี่ยงบุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพนันอยู่แล้ว เพื่อต่อยอดกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา “กลุ่มที่ 5 ความปลอดภัย” ที่เน้นเรื่องการเสริมสร้างสุขภาพ สร้างทักษะชีวิตในการป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ การใช้ยา สารเสพติด และความรุนแรง
โดย สพฐ. มียุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะทางสมอง Executive Function (EF) ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด
นายพลวัฒน์ การุญภาสกร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมกับ สสส. ขับเคลื่อนงานรณรงค์งานเลี้ยงครูและงานเกษียณครูปลอดเหล้า เบียร์ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และพนัน
เป็นการพัฒนาครูต้นแบบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้แก่นักเรียน นอกเหนือจากหลักสูตรการสอนปกติ เช่นเดียวกับการพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
ทั้งภายในสถานศึกษา และพื้นที่รอบสถานศึกษา ร้านค้า ชุมชน องค์กร และภาคประชาสังคมต่าง ๆ การบูรณาการกับกระบวนการเรียนรู้วิชาชนะมาร ถือเป็นต้นทุนการเรียนรู้ที่เอื้อประโยชน์ให้กับเครือข่ายครูและนักเรียนที่จะมีองค์ความรู้ในการ เฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และพนัน
ดร.ศิวัช บุญเกิด รองปลัดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กล่าวว่า เมืองพัทยา ได้ขับเคลื่อนมาตรการโรงเรียนปลอดภัย (Safety School) มาอย่าต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงทุกรูปแบบ โดยร่วมกับ สสส. ขยายผลการทำงานขับเคลื่อนการปกป้องและดูแลเด็กเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า พนัน และพนันออนไลน์
จำเป็นต้องมีแนวทางความร่วมมือเชิงบูรณาการ โดยสร้างจุดเน้นและแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพให้เด็กและเยาวชนใน 3 ด้าน คือ 1.เสริมสร้างความรู้ 2.ทักษะสมอง
3.ทักษะชีวิต เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนมีความรู้ที่ถูกต้องและมีทักษะชีวิตในการเอาตัวรอดได้ภายใต้สถานการณ์สังคมที่มีสิ่งยั่วยุ และมอมเมาเยาวชน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจังให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพของสังคมในปัจจุบัน