เช็กอิน! “InterCare Asia 2024 งานนวัตกรรมเพื่อสุขภาพของคนทุกวัย

   เมื่อ : 01 ส.ค. 2567

ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จับมือพันธมิตร รัฐและเอกชน ได้เปิดงาน “InterCare Asia 2024” และ“Medical & Wellness Travel Fair 2024”  ระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2567 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจด้านสุขภาพของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมโยงกับตลาดทั้งในและต่างประเทศ 

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า เอ็น.ซี.ซี.เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจสุขภาพ ซึ่งการจัดงาน “InterCare Asia” และ“Medical & Wellness Travel Fair” ปีที่ 2 นี้ จะเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสุขภาพให้ก้าวหน้า และสร้างเชื่อมโยงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสุขภาพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านสุขภาพ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ 

สำหรับธุรกิจสุขภาพของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.99 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 7.5% ต่อปี ซึ่งการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีโรคภัยไข้เจ็บน้อยลง ไม่ป่วย ไม่จน เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนควรจะได้รับ 

 

โดยเฉพาะผู้สูงอายุของไทยที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มติดสังคม กลุ่มติดบ้าน และกลุ่มติดเตียง อยากให้มีกลุ่มติดสังคมมมากขึ้น และกลุ่มติดเตียงน้อยลง 

ส่วนเทรนด์คนไม่แต่งงาน  แต่งงานแล้วไม่มีลูกทำให้อัตราเด็กเกิดน้อยลงส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก และถือว่าน่าเป็นห่วงในเรื่องของการวางแผนชีวิต เพราะคนส่วนใหญ่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมักไม่ทันได้วางแผน เตรียมตัวกับชีวิตสูงวัย ยิ่งคนอายุ 70 ปีขึ้นไปยิ่งไม่มีการวางแผนมากขึ้น

 

ดังนั้น “InterCare Asia 2024” งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพแล้วนั้น จะช่วยให้ทุกคนได้วางแผนชีวิต วางแผนการเกษียณโดยไม่พึ่งพาลูกหลาน ช่วยให้วัย 50 ปีขึ้นไปได้วางแผนชีวิต การเงิน และการประกันชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดี

ทั้งนี้ ภายในงาน InterCare Asia 2024 จะมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย เช่น การแสดงนิทรรศการสินค้าและบริการด้านสุขภาพจากผู้ประกอบการชั้นนำ การสัมมนาและเวิร์กชอปจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพกเกจตรวจสุขภาพและรักษากับโรงพยาบาลชั้นนำ 

 

การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยีและอุปกรณ์ด้านสุขภาพใหม่ๆ แพกเกจท่องเที่ยวโดนใจสไตล์วัยเก๋า เป็นต้น นอกจากนั้น ได้ร่วมกับทางสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทยในการจัดงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ

 

ซึ่งได้ผนึกกำลังระหว่างสองอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงสร้างโอกาสทางธุรกิจและส่งเสริมการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในปไทย พร้อมทั้งขยายสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจและนวัตกรรมทางด้านสุขภาพของอาเซียน

พญ.ประภา วงศ์แพทย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย กล่าวว่า การจัดงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) TCEB เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทยผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้

 

รวมทั้งเป็นการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ในการเข้ามาสู่ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ปัจจุบัน Wellness & Medical tourism ของประเทศไทยจะขับเคลื่อนใน 6 เสาหลัก ได้แก่  1.ThaiWellness & นวดไทย 2. Medical tourism for all (ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ได้) 3. Herbal Products Wellness (เน้นเรื่องผลิตภัณฑ์สมุนไพร แพทย์แผนไทย) 4. Health Exhibition Center(ศูนย์กลางนิทรรศการสุขภาพ)

 

5. Senior Living Destination (ส่งเสริมให้เป็นผู้สูงอายุติดสังคม) และ6. Medical& Wellness relay (การถ่ายทอด) ซึ่งในงาน InterCare Asia 2024 และ Medical & Wellness Travel Fair 2024 มีสินค้านวัตกรรม และกิจกรรมมากมายเพื่อนพัฒนาสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม 

นายปรัชญา เพิ่มทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า ธุรกิจสุขภาพผู้สูงอายุ เป็น 1 ในเมกะเทรนด์ที่ต้องศึกษา เนื่องจากสังคมไทยเปลี่ยนเป็นสังคมผู้สูงอายุ จึงต้องมีการเตรียมกิจกรรม หรือการดำเนินการต่างๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ 

 

ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME  อย่างเร่งด่วน เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ได้สนับสนุนงบประมาณผ่าน โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือที่รู้จักในชื่อ “SME ปัง ตังค์ได้คืน”

 

เป็นการสนับสนุนเงิน 50–80% ผ่านการอบรม การโค้ชชิ่งการให้คำปรึกษาแนะนำ และการจัดทำหลักสูตรร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพมากขึ้น ตามเทรนด์ตามโลกได้ทัน