กรมควบคุมโรค แนะประชาชน รับมือโรคและภัยสุขภาพในช่วงฤดูฝน

   เมื่อ : 12 มิ.ย. 2567

แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมดำเนินการแถลงข่าวในหัวข้อ “หน้าฝนอุ่นใจ สุขภาพไทยปลอดโรค” พร้อมแนะนำประชาชนสำหรับการรับมือโรคและภัยสุขภาพในช่วงหน้าฝนนี้ 
 

โควิด 19 แนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยสายพันธุ์หลักที่ระบาดเป็นสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งมีความสามารถในการแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น จึงขอเน้นย้ำประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก ควรแยกตัวจากผู้อื่นและปฏิบัติตามสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หากไม่ดีขึ้นใน 1-2 วันให้รีบไปพบแพทย์ 

ไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดการระบาดในสถานที่ปิดเป็นกลุ่มก้อนได้ เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร เรือนจำ วัด เป็นต้น และช่วงนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้น สถานการณ์ เช่นเดียวกับการป้องกันโควิด 19 และกลุ่มเสี่ยงควรรีบไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน สำหรับโรงเรียน ค่ายทหาร หากมีการจัดกิจกรรมรวมตัวเป็นกลุ่มในระยะนี้ ควรมีการคัดกรองก่อนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเข้มงวด หากพบผู้มีอาการป่วย ให้งดเข้าร่วมกิจกรรมและรีบไปพบแพทย์

ไข้เลือดออก คาดการณ์ปี 2567 นี้ จะเริ่มพบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 5 มิถุนายน 2567 พบผู้ป่วย 30353 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี จำนวน 9085 ราย  จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันสำรวจ และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย รวมถึงการระวังไม่ให้ยุงกัด และให้สังเกตอาการบุตรหลาน ผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการไข้สูงลอยมากกว่า 2 วัน ทานยาพาราเซตามอล เช็ดตัวแต่ไข้ไม่ลด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีจุดผื่นแดงตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที 

ไข้มาลาเรีย โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเมียนมาร์ ได้แก่ จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และเพชรบุรี ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงควรป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด สวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด ทายากันยุงบริเวณนอกร่มผ้า นอนในมุ้งชุบสารเคมีทุกคืน เมื่อต้องค้างคืนในป่า สวน ไร่ และหลังกลับจากป่า 10-14 วัน หากมีอาการไข้ หนาวสั่น ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

เห็ดพิษ ช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝนทำให้มีเห็ดป่าหรือเห็ดขึ้นเองตามธรรมชาติหลากหลายชนิด ทั้งเห็ดกินได้และเห็ดพิษ ซึ่งมีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกันมากมักแยกได้ยาก จึงทำให้พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากการกินเห็ดพิษเป็นประจำทุกปีในทุกภูมิภาค 

ขอให้ประชาชนซื้อเห็ดมาปรุงประกอบอาหารจากฟาร์มเห็ด หรือแหล่งที่มีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเก็บหรือกินเห็ดป่าหรือเห็ดที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นเห็ดมีพิษหรือไม่ และไม่ควรเก็บเห็ดบริเวณที่มีการใช้สารเคมี รวมถึงไม่กินเห็ดดิบ และไม่กินเห็ดร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

สำหรับโรคอื่นที่ต้องมีการติดตามสถานการณ์ ได้แก่  โรคฝีดาษวานร (MPOX) ติดต่อ จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เมื่อติดเชื้อจะมีอาการ มีผื่นขึ้น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต และมีอาการคัน 
 

โรคไข้หวัดนก สถานการณ์ทั่วโลกมีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังในคน  สำหรับโรคไข้หวัดนกในประเทศไทย ยังไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนก หลังจากรายสุดท้ายตั้งแต่ปี 2549 แนะนำการป้องกันคือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก และโคนมที่ป่วย/ตาย และไม่ควรนำซากสัตว์ไปประกอบอาหาร 

โรคแอนแทรกซ์ มีรายงานพบผู้ป่วยใน 2 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่  สปป.ลาว จำนวน 65 ราย และประเทศอินโดนีเซีย สำหรับประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วย ทั้งนี้  กระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและสัตว์โดยเฉพาะช่องทางเข้าออกที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 

หากประชาชนพบสัตว์ป่วยตาย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ดำเนินการสอบสวนโรคทันที ห้ามเคลื่อนย้าย ผ่าซาก ชำแหละเนื้อหรือหนังสัตว์ที่ตาย และปฏิบัติตามสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เช่น การล้างมือ กินอาหารปรุงสุกสะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วยตาย จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดนกและโรคแอนแทรกซ์ได้