ททท. เปิดการอบรมหลักสูตร “การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 5

   เมื่อ : 26 เม.ย. 2567

นายกิตติ  เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตร “การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 5 ประจำปี 2567 (Tourism Management Program for Executives: TME5) โดยมี นายธีระศิลป์  เทเพนทร์ รองผู้ว่าการ  ด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา (ททท.) ร่วมพิธีเปิดการจัดอบรมภายใต้แนวคิด Reshaping The Future of Tourism     

สำหรับวัตถุประสงค์หลักของหลักสูตร เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ผ่านการดำเนินงานอย่างสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของโลก 

 

ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว (Sustainable Tourism) โดยมีผู้บริหาร ททท. และผู้เข้ารับการอบรมร่วมงาน ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่

นายกิตติ  เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของความต้องการและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องปรับตัวให้เท่าทัน ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม 

รวมถึงการรักษาสมดุลทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ เพื่อจุดพลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่การเป็น Tourism Hub ของภูมิภาค ด้วยการยกระดับประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในทุกมิติให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ

นายธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา ททท. กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยแล้วกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จากการขยายตัวและการแข่งขันสูงของธุรกิจการท่องเที่ยว 

 

ทำให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องเรียนรู้ เข้าใจ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการท่องเที่ยว สร้างผลกระทบเชิงบวกและคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มประสิทธิภาพ 

ททท. จึงส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแก่บุคลากรด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านโครงการอบรม “หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 5 ประจำปี 2567 ซึ่งศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการตลาดท่องเที่ยว (TAT Academy)

โดยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ภายใต้แนวคิด Reshaping The Future of Tourism ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจากกูรูเฉพาะด้านโดยตรง อาทิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และด้านศิลปะวัฒนธรรม-ประวัติศาสตร์โบราณคดี เป็นต้น รวมถึงกรณีศึกษาต่าง ๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนสอดรับกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของโลก

หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 5 มีระยะเวลาอบรมตลอดโครงการ 54 ชั่วโมง การอบรมจำนวน 12 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม - 31 กรกฎาคม 2567 รวมถึงการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ 

 

โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ  ผ่าน 5 Module (TRIPS) ได้แก่ 1. T - Trends in Tourism: Thailand Global & Customer เปิดมุมมองแนวโน้มการท่องเที่ยวและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในระดับต่าง ๆ 2. R - Responsible & Sustainable Tourism แลกเปลี่ยนกลยุทธ์และแนวทางการนําแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบไปปฏิบัติจริงในเชิงธุรกิจ

 

 3. I - Innovation in Tourism Management ค้นพบนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนและเพิ่มคุณค่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล 4. P - Persona Communication & Soft Power ยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจํา ผ่านเรื่องราวของวัฒนธรรมไทยที่มีความหลากหลาย และ 5. Strategic Ecosystem Mobilization for Future of Tourism ขับเคลื่อนสู่อนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวผ่านการผนวกรวมทักษะหลากหลายแขนงสู่ความยั่งยืน

 

โดยในการอบรมครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 29 คน จากหลากหลายสาขาอาชีพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจนำเที่ยว