อย. เปิดเวทีประชุมวิชาการ หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

   เมื่อ : 30 ก.ค. 2568

อย. จัดงานประชุมวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ ”เศรษฐกิจดิจิทัล : ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน” ผลักดันการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยให้ทันสมัย ปลอดภัย สร้างความยั่งยืนในระบบคุ้มครองผู้บริโภค มุ่งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน


นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเปิด

งานประชุมวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในหัวข้อ ”เศรษฐกิจดิจิทัล : ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาที่ยังยืน” ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)


สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในยุคดิจิทัล พร้อมเผยแพร่องค์ความรู้ใหม่จากการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพไทย ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพในยุคดิจิทัลถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางโดยเน้นที่การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและคุณภาพในผลิตภัณฑ์สุขภาพ


นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อต่าง ๆ เช่น มุมมองขององค์การอนามัยโลกในการกำกับดูผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรม โดย Dr. Alain Labrique ผู้อำนวยการแผนก Digital Health and Innovation องค์การอนามัยโลก, นวัตกรรมด้านสุขภาพดิจิทัล โดย ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล, การรู้เท่าทันและการจัดการข้อมูลเท็จในโลกออนไลน์ โดยผู้จัดการศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บริษัท โพรเมซส์ จำกัด

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัย ทั้งทางด้านคลินิก ด้านนวัตกรรม ด้านสังคม และกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ เช่น Workshop ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Test Kit อย่างชาญฉลาด รวมถึงการส่งเสริมวิธีการดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัล


อีกทั้งยังมีการจัดบูธนิทรรศการจากสถานประกอบการที ่ได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้

อวอร์ด ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานทั้งเภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพกว่า 1,000 คน 


เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนา

ผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยให้มีความทันสมัยและปลอดภัยภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งแนวทางการดำเนินงานที่มั่นคงจะสร้างความยั่งยืนในระบบการคุ้มครองผู้บริโภค ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น